Skip to content
Home » Blended Learning

Blended Learning

    ในบริบทขององค์กร Blended Learning คือการผสมผสานระหว่างการอบรมแบบดั้งเดิมในห้องเรียน (Classroom Training) เข้ากับการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยี (Online/e-Learning) เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุดครับ 🎓💼


    ที่มาและความจำเป็นในเชิงธุรกิจ

    ที่มาของ Blended Learning ในองค์กรเกิดจากความต้องการที่จะยกระดับการเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรให้มีความยืดหยุ่นและตอบโจทย์ความท้าทายทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    ความจำเป็นในการนำ Blended Learning มาใช้ในองค์กร มีดังนี้ครับ

    1. ประหยัดต้นทุนและเวลา (Cost and Time Efficiency): การอบรมแบบดั้งเดิมต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงทั้งค่าเดินทาง, สถานที่, และวิทยากร แต่การใช้ Blended Learning ช่วยให้พนักงานสามารถเรียนรู้เนื้อหาพื้นฐานผ่านระบบออนไลน์ได้ก่อน ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดอบรมได้มาก
    2. ความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ (Flexibility): พนักงานแต่ละคนมีตารางการทำงานที่ไม่เหมือนกัน Blended Learning ช่วยให้พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ตามจังหวะของตนเอง โดยไม่ต้องรอให้มีการจัดอบรมพร้อมกันทั้งหมด
    3. การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน (Performance Improvement): การผสมผสานการเรียนรู้ช่วยให้พนักงานสามารถนำความรู้ที่ได้จากหลักสูตรออนไลน์มาฝึกปฏิบัติจริงในห้องเรียนหรือในสถานการณ์จำลอง เพื่อให้เกิดทักษะที่นำไปใช้ในการทำงานได้ทันที
    4. การเข้าถึงเนื้อหาที่หลากหลาย (Accessibility to Diverse Content): องค์กรสามารถนำหลักสูตรออนไลน์จากทั่วโลกมาผสมผสานกับการอบรมภายใน ทำให้พนักงานเข้าถึงความรู้ที่ทันสมัยได้ตลอดเวลา

    ตัวอย่างการนำ Blended Learning ไปใช้ในองค์กร

    องค์กรสามารถนำ Blended Learning ไปใช้ได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและลักษณะของงาน

    1.การอบรมพนักงานใหม่ (Onboarding Program) – Rotation Model

    • ตัวอย่าง: บริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งต้องการอบรมพนักงานใหม่ในตำแหน่ง Sales
    • ขั้นตอนที่ 1 (Online): พนักงานใหม่จะต้อง เรียนรู้ผ่านหลักสูตร e-Learning เกี่ยวกับประวัติบริษัท, วัฒนธรรมองค์กร, และข้อมูลผลิตภัณฑ์เบื้องต้น
    • ขั้นตอนที่ 2 (Classroom): หลังจากผ่านหลักสูตรออนไลน์แล้ว พนักงานจะ เข้าห้องอบรม เพื่อฝึกการนำเสนอขายกับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญและเพื่อนร่วมงาน
    • ผลลัพธ์: พนักงานสามารถเรียนรู้ข้อมูลพื้นฐานได้ด้วยตัวเอง ทำให้เวลาในห้องอบรมถูกใช้ไปกับการฝึกทักษะที่สำคัญจริงๆ

    2.การพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำ (Leadership Training) – Flipped Classroom Model

    • ตัวอย่าง: ผู้บริหารระดับกลางต้องเข้าอบรมหลักสูตรการบริหารทีม
    • ขั้นตอนที่ 1 (Online): ผู้บริหารจะได้รับมอบหมายให้ ดูวิดีโอ เกี่ยวกับทฤษฎีการบริหาร, เทคนิคการสื่อสาร, และกรณีศึกษาต่างๆ ก่อนเข้ารับการอบรม
    • ขั้นตอนที่ 2 (Classroom): เมื่อมาถึงห้องอบรม ผู้เข้าร่วมจะ ระดมสมอง เพื่อวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนร่วมกัน หรือทำกิจกรรม Role-Playing เพื่อฝึกการนำทีมในสถานการณ์จำลอง
    • ผลลัพธ์: ผู้บริหารใช้เวลาในห้องอบรมอย่างคุ้มค่าด้วยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และฝึกปฏิบัติจริง แทนที่จะเป็นการนั่งฟังบรรยาย

    3.การอบรมด้านความปลอดภัย (Safety and Compliance Training) – Enriched Virtual Model

    • ตัวอย่าง: บริษัทผลิตสินค้าต้องการอบรมพนักงานทุกคนเกี่ยวกับข้อบังคับด้านความปลอดภัย
    • ขั้นตอนที่ 1 (Online): พนักงานจะต้อง ทำแบบทดสอบและดูวิดีโอ การใช้งานเครื่องจักรอย่างปลอดภัยผ่านระบบออนไลน์ โดยกำหนดวันสอบและวันเรียนรู้ด้วยตัวเอง
    • ขั้นตอนที่ 2 (Classroom/On-site): หลังจากผ่านหลักสูตรออนไลน์แล้ว พนักงานจะ เข้าฝึกปฏิบัติจริง กับวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ทำงาน เพื่อสาธิตการใช้งานเครื่องจักรอย่างถูกต้อง
    • ผลลัพธ์: พนักงานสามารถเรียนรู้เนื้อหาทางทฤษฎีได้ด้วยตัวเอง และมาฝึกปฏิบัติเมื่อจำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนมีความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนลงมือทำงานจริง

    การนำ Blended Learning มาใช้ในองค์กรไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเติบโตของบุคลากรและองค์กรในยุคปัจจุบันครับ